Intel แบรนด์ CPU ที่หลายคนเลือกใช้ โน๊ตบุ๊คถือเป็นอุปกรณ์ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้กันเพราะสะดวกในการพกพาสามารถนำไปทำงานนอกสถานที่ได้ แต่หลาย ๆ คนที่เลือกซื้อโน๊ตบุ๊คคงเคยเห็นสติกเกอร์ของ Intel ติดอยู่กับโน๊ตบุ๊คอยู่เสมอ โน๊ตบุ๊คหลาย ๆ แบรนด์มักจะใช้ CPU ของ Intel โดยเฉพาะตัว CPU คือ ส่วนสำคัญในการประมวลผลของโน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ ถือเป็นมันสมองที่สำคัญในการทำงานเลยก็ว่าได้ แต่คงมีคนสงสัยว่าทำไมต้อง CPU ของ Intel แล้วแบรนด์ Intel มีความสำคัญกับโน๊ตบุ๊คขนาดไหนทำไมแบรนด์ใหญ่หลาย ๆ แบรนด์ถึงเลือกใช้ CPU ของ Intel วันนี้ IamOffice จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับแบรนด์ CPU ของ Intel เพื่อตอบข้อสงสัยว่าทำไมต้อง CPU ของ Intel และ CPU ของ Intel มีกี่รุ่นกี่ตัวแต่ละตัวเหมาะกับการใช้งานแบบไหน
สารบัญ
-
ประวัติแบรนด์ Intel
-
พัฒนาการของแบรนด์ Intel
-
องค์ประกอบสำคัญในการวัดประสิทธิภาพ CPU
-
ความแตกต่างของ Intel Core i3, i5, i7, i9
-
สรุป
ประวัติแบรนด์ Intel

Intel ถูกก่อตั้งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ.1968 โดยคำว่า Intel ย่อมาจาก Integrated Electronics Coporation โดยบริษัทใหญ่อยู่ที่เมืองซานตาคาล่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ก่อตั้งสองคน คือ กอร์ดอน มัวร์ และ โรเบิร์ต นอยซ์ โดยในยุคนั้นบริษัทยังไม่เป็นที่รู้จักหรือที่นิยมมากนัก ในปี ค.ศ.1969 ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการอิเล็กทรอนิกส์โดยการออกชิปหน่วยความจำหรือ Memory ขนาด 1 Kbyte ในสมัยนั้นถือว่าเป็นหน่วยความจำที่สูงมาก ๆ ทำให้ Intel เป็นบริษัทแรก ๆ ที่ผลิต SRAM และ DRAM ให้แก่ตลาดคอมพิวเตอร์
พัฒนาการของแบรนด์ Intel
ต่อมาในปี ค.ศ 1971 Intel ถือเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ผลิตวงจรรวมแบบ LSI (Large Scale Integrated Circuit) จากนั้นทำการรวมเอาวงจรที่ใช้เป็นหน่วยประมวลผลกลางหรือตัว CPU มาบรรจุอยู่ในแผ่นไอซีเพียงตัวเดียว เรียกว่า ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) เป็น CPU ตัวแรกที่ผลิตขึ้นมา จากนั้นได้นำออกมาจำหน่ายสู่ตลาดโดยตั้งชื่อว่า Intel 4004 ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ จำนวน 2,250 ตัว และเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ขนาด 4 บิต ในราคา 200 เหรียญสหรัฐ หนึ่งปีต่อมาได้ออกไมโครโพรเซสเซอร์ ขนาด 8 บิต ออกมาโดยใช้ชื่อว่า 8008 มีชุดคำสั่ง 48 คำสั่ง
ในปีค.ศ 1973 ทาง Intel ได้ออกไมโครโพรเซสเซอร์ 8080 โดยตัวนี้จะมีพื้นฐาน 74 คำสั่ง ไมโครโพรเซสเซอร์ตัวนี้ถือเป็นไมโครโปสเซสเซอร์ในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกอีกด้วย ไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่มีชื่อว่า อัลแตร์ 8800 ในปัจจุบัน บริษัท Intel ได้มีการออกผลิตภัณฑ์มากมายนอกจาก CPU ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีแล้วยังมี เมนบอร์ด, แฟลชไดร์ฟ, เน็ตเวิร์คการ์ดและอย่างอื่นอีกมากมาย ถือว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังระดับไม่ว่าใครก็รู้จักเลยก็ว่าได้ จึงทำให้บริษัทแบรนด์โน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ชั้นนำเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของทาง Intel ในผลิตภัณฑ์โน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์อย่างที่เราเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน
องค์ประกอบสำคัญในการวัดประสิทธิภาพ CPU

-
- Core ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่เป็นตัววัดคุณภาพ CPU ในแต่ละรุ่น คือ จำนวน Core โดย Core เหมือนสมองของคนเราที่ใช้ในการสั่งการ ยิ่งจำนวน Cores เยอะก็จะช่วยให้สามารถทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- Thread ถือเป็นชิ้นส่วนที่เป็นผู้ช่วย Core ในการประมวลผล ยิ่งจำนวน Thread มากก็จะช่วยให้ Core ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทั่วไป 1 Core จะมีอยู่ 2 Threads แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ของ Intel เรียกว่า Hyper-Threading มีความพิเศษตรงที่สามารถทำหน้าที่จำลองให้ CPU 1 Core สามารถทำงานได้หลายอย่างมากขึ้น
- Cache คือ หน่วยความจำที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการทำงานของ CPU แล้วส่งต่อให้หน่วยความจำหลัก ถือเป็นตัวกลางระหว่าง CPU และหน่วยความจำหลัก
- Clock Speed คือ หน่วยความเร็วในการประมวลผลของ CPU ยิ่งมีค่าตัวเลขที่สูงแปลว่ายิ่งมีคุณภาพ แต่ไม่ควรมีตัวเลขที่สูงเกินไปเพราะจะส่งผลให้เกิดความร้อนขึ้นได้
ความแตกต่างของ Intel Core i3, i5, i7, i9
CPU Intel Core i เริ่มเปิดตัวสู่ตลาดคอมพิวเตอร์เมื่อปี 2006 แทนที่กลุ่มไลน์ Pentium ในสมัยนั้นถือว่าเป็น CPU ระดับสูงและเป็นที่นิยมมาก โดยตัว I ถือเป็นชื่อเพื่อสื่อความหมายว่าเป็น CPU ระดับสูง แบ่งหมวดหมู่คุณภาพของ CPU ชนิดต่าง ๆ โดยรุ่นที่นิยมที่เลือกใช้หลัก ๆ คือ i3, i5 และ i7 แล้วมีอีกรุ่นที่พึ่งเปิดตัวและได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ i9 เราจะมาทำความรู้จักกับทั้ง 4 รุ่นกัน
1.CPU Core i3: The Low End

ถือเป็นรุ่นพื้นฐานเริ่มต้นของรุ่นทั้งหมด แต่เดิม Core i3 จะมีแต่รุ่นที่มีจำนวน Core แบบ Dual-core (2 cores) + 4 Threads โดยตัว Core i3 นั้นมักจะมีขนาด Cache ที่ต่ำไม่สามารถรองรับ RAM จำนวนเยอะ ๆ ได้เท่ากับ Core Processors รุ่นอื่น ๆ
2.CPU Core i5: The Lower Mid Range

เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นต่อจากรุ่น Core i3 โดย Core i5 เป็นที่นิยมใช้ในหมู่ PC Gamers ในคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คราคาประหยัด ถือว่าเป็นรุ่นที่สามารถใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มี Hyper-Threading แต่ก็มีใน โน๊ตบุ๊ค บางรุ่น แต่มีจำนวน Cores ที่สูงกว่า i3 โดย Core i5 และ Core i3 มี clock speeds ที่สูงขึ้น Cache ที่มากขึ้นสามารถรองรับ RAM ได้มากขึ้น
3.Core i7: The Top Takes a Step Back

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีจำนวน Core ที่สูง โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือมี Hyper-Threading ที่ช่วยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยตัว Core i7 มีขนาด Cache ที่มากกว่า และมีประสิทธิภาพกราฟิกที่สูงกว่าสองรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ตัว Core i7 มีความสามารถในการรองรับ RAM ที่เท่ากับ i5
4.Core i9: The New Leaders

เป็นรุ่นล่าสุดของทาง Intel ถือเป็นตัว Top เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพระดับสูงสุด ถือเป็นที่นิยมกันมากในหมู่การใช้งานจำพวก Gaming ระดับสูง โดยกลุ่ม Core i9 ถือเป็นรุ่นที่มีคุณภาพสูง ที่ประกอบไปด้วย 8 cores, 16 threads ขนาด Cache ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า i7
บทความแนะนำ
สรุป
แบรนด์ Intel ถือเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ผลิตและพัฒนาตัว CPU ที่ได้มาตรฐานทำให้หลาย ๆ แบรนด์คอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คเป็นที่ยอมรับมาก นอกจากตัว CPU แล้วทางแบรนด์ Intel ยังได้มีการผลิตเมนบอร์ด, แฟลชไดร์ฟ, เน็ตเวิร์คการ์ดออกมาให้เลือกใช้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาเลือกโน๊ตบุ๊คสิ่งที่ควรดูคือตัวCPU หลาย ๆ คนคงเลือกโน๊ตบุ๊คที่ใช้ CPU ของ Intel เพราะสำหรับตัว CPU ของ Intel ขึ้นชื่อในเรื่องประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีเยี่ยม ถ้าไม่ดีจริงแบรนด์โน๊ตบุ๊คหรือคอมพิวเตอร์คงไม่เลือกใช้เป็นชิ้นส่วนสำคัญในตัวสินค้าอย่างแน่นอน หากใครที่อยากได้สำหรับใช้งานพื้นฐานสามารถใช้ Core i3 หรือ Core i5 ถ้าเป็นงานที่ต้องการประมวลผลสูงอย่างกราฟิกหรืองานตัดต่อใช้ Core i7 สำหรับสายเกมที่เล่นเกมที่มีความละเอียดหรือความลื่นไหลสูงสามารถใช้ Core i9 ก็ได้แต่ราคาจะสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
โทร : 02-9220291
Line : @iamoffice
Facebook : @iamofficeshop


