ออกแบบ Portfolio ง่าย ๆ ไม่ยากอย่างที่คิด มือใหม่ก็ทำได้

สำหรับใครที่กำลังมีแผนจะทำ Portfolio สำหรับยื่นทำงานหรือยื่นเรียนต่อมหาลัยแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรหรือควรใส่ข้อมูลอะไรลงไปดี การทำ Portfolio ก็เหมือนการแนะนำตัวเพื่อให้คนรู้จักเรา ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ออกมาดีและน่าสนใจ ควรใส่ความเป็นตัวเองลงไปเพื่อให้คนที่อ่าน Portfolio รู้สึกสนใจและอยากรับเราเข้าไปศึกษาหรือรับเราเข้าทำงาน สำหรับวันนี้ทาง IamOffice มีเทคนิคและวิธีการทำ Portfolio มาฝาก และมี เครื่องปริ้นเตอร์ สำหรับการพิมพ์ Portfolio มาแนะนำให้กับทุกคนกัน จะมีวิธีการจัดทำอย่างไรให้มีความน่าสนใจมารับชมกันได้เลย

สารบัญ

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนทำ Portfolio

การสอบเข้ามหาลัยหรือการสมัครงานมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำ Portfolio โดยถือว่า Portfolio นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ Portfolio ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าควรเริ่มจากอะไรหรือเริ่มจากตรงไหน การทำ Portfolio ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เรามาทำความรู้จักกับ Portfolio กันก่อนเลยว่ามันคืออะไร

Portfolio คืออะไร

Portfolio คือ แฟ้มสะสมผลงานที่เราทำมาโดยตลอด โดยจะเป็นการรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ แล้วนำรวมในแฟ้มนี้ในเล่มเดียว โดยที่เราต้องอธิบายเป็นตัวของตัวเองเพื่อให้คนที่อ่านหรือคนที่สนใจได้รู้จักตัวตนของเรา โดยเราต้องใส่ถึงความสามารถของเราลงไปด้วย

Portfolio มี 2 ประเภท

1. Portfolio ที่รวบรวมผลงานตั้งแต่ 3 – 4 ปี โดยนำผลงานที่ทำใส่ลงไปใน Portfolio จะต้องสอดคล้องกับสาขาหรืองานที่ทำการยื่นส่งไป เพื่อให้เขาเห็นถึงผลงานที่ผ่านมาของเรา
2. Portfolio ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์กับสาขาหรือวิชาที่เราสมัครเรียน โดยที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนรูปแบบ Portfolio ทุกครั้ง สำหรับใครที่ต้องการยื่นเข้ามหาลัยต้องตรวจสอบคณะสาขาที่ยื่น ลองดูว่ามีความต้องการหรือมีการตั้งโจทย์อะไรในการยื่นในแต่ละปี โดยเราจะต้องเปลี่ยนไปตามที่เขากำหนดไว้ทุกปี

ความสำคัญของ Portfolio

การสอบเข้ามหาลัยหรือการยื่นสมัครงาน Portfolio จะเป็นตัวแทนเราในการนำเสนอตัวเอง Portfolio ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก นอกจากยื่นสมัครเข้ามหาลัยแล้ว ยังสามารถออกแบบเพื่อยื่นสมัครงานได้ด้วย ซึ่ง Portfolio จะเป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายเกี่ยวกับตัวเราได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประวัติส่วนตัว, ประวัติการทำงาน, กิจกรรมที่เข้าร่วม รวมถึงผลงานต่าง ๆ ที่เคยได้รับ ทำให้มหาลัยหรือสถานประกอบการสามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดายว่าจะรับเราเข้าทำงานหรือไม่

องค์ประกอบของ Portfolio

หลาย ๆ คนคงเข้าใจว่า Portfolio จะต้องใส่ตัวอักษรเยอะ ๆ แต่การมีตัวอักษรเยอะจะทำให้ความน่าสนใจน้อยลง เพราะโดยปกติคนเราจะสนใจรูปภาพมากกว่าตัวหนังสือ โดยองค์ประกอบของ Portfolio สิ่งที่ควรที่มี ดังนี้

1.หน้าปก

ควรออกแบบหน้าปกให้มีความน่าสนใจ เพราะหน้าปกถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนอยากหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน โดยเราควรเลือกสีที่เหมาะสมกับงาน เช่น หากยื่นเข้ามหาลัยไหนควรเลือกใช้สีประจำมหาลัย เพื่อสร้างแรงดึงดูดและการเป็นการนำเสนอถึงความตั้งในการเข้ามหาลัยนั้น ๆ

2.ประวัติส่วนตัว

หน้านี้ถือว่าเป็นหน้าที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นหน้าที่แสดงถึงตัวเราเอง ควรใส่รายละเอียดให้ครบถ้วนและมีความถูกต้องของข้อมูล ในส่วนข้อมูลส่วนตัวไม่ควรมีการพิมพ์ผิดโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นชื่อ, นามสกุล, วันเกิด, นิสัย และความสามารถหรืองานอดิเรกต่าง ๆ เพื่อให้เขารู้จักเรามากขึ้น

3.ประวัติการศึกษา

ในส่วนนี้เป็นส่วนที่แสดงถึงศักยภาพในการเรียนของเรา โดยเราจะต้องเรียงจากการศึกษาที่น้อยที่สุดไปจนถึงปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่จะบอกชื่อโรงเรียนหรือชื่อมหาลัย, ชื่อคณะสาขา, ปีที่เข้าศึกษา และปีที่จบการศึกษา จะใส่เกรดเฉลี่ยหรือไม่ก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญควรใส่ชื่อโรงเรียนหรือชื่อสถานศึกษาให้ครบถ้วน

4.รางวัลและผลงานที่ผ่านมา

ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยโชว์ความสามารถของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นงานที่ผ่านมาหากมีการแข่งขันหรือการประกวดควรมีรูปภาพในหน้านี้ด้วย รวมทั้งใบเกียรติบัตรต่าง ๆ เพื่อแสดงถึงความสามารถของเราได้อย่างเต็มที่

5.กิจกรรมระหว่างที่เรียน

หากใครมีส่วนสำคัญในงานต่าง ๆ กับทางโรงเรียนหรือมหาลัย ถือเป็นอีกจุดที่สามารถใส่ถึงประสบการณ์การทำงานได้ เช่น เคยเป็นประธานนักเรียน, เคยเป็นคณะกรรมการหรือเคยมีประสบการณ์เป็นพิธีกรให้มหาลัยก็สามารถเอามาใส่ลงในหน้านี้ได้ พร้อมรูปถ่ายขณะทำกิจกรรมได้ด้วยจะดีมาก

6.ผลงาน

ในการยื่น Portfolio ควรมีผลงานที่ทำออกมาเก็บเอาไว้เสมอ สำหรับนักเรียนที่ต้องการยื่นเข้ามหาลัยควรขยันหาผลงานหรือทำผลงานไว้เยอะ ๆ ถือว่าเป็นการฝึกฝีมือตัวเองเพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการของเรา แต่ถ้าหากพึ่งเรียนจบมหาลัยควรเก็บผลงานตั้งแต่ปี 1 เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำผลงานหลังเรียนจบ

แนะนำเว็บทำ Portfolio ง่ายสำหรับมือใหม่

หากใครที่ไม่เก่งด้านโปรแกรมกราฟิกดีไซน์ ส่วนใหญ่จะมีการจ้างให้คนออกแบบหรือให้คนที่รู้จักออกแบบให้ แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงินอยากลองทำด้วยตัวเองหรือมีเวลาว่างอยากทำแต่ไม่อยากลงโปรแกรมให้ยุ่งยาก วันนี้เราก็รวบรวมเว็บที่ใช้งานง่ายและออกแบบได้ไม่ยากอย่างที่คิด

1.Canva

Canva ถือเป็นเว็บที่หลาย ๆ คนเลือกใช้งาน เพราะใช้งานง่ายนอกจากทำ Portfolio ได้แล้วยังสามารถออกแบบโปสเตอร์ได้อีกด้วย ที่สำคัญมี Template ให้เลือกหลากหลายสไตล์สามารถทำได้หลายโอกาส มีทั้งแบบมีค่าใช้จ่ายและไม่มีค่าใช้จ่ายสามารถแชร์ผลงานได้อีกด้วย

2.PortfolioBox

PortfolioBox เป็นเว็บที่หลาย ๆ คนเลือกใช้สำหรับการสร้าง Portfolio ออนไลน์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์มินิมอลเรียบหรูดูแพง ใช้งานง่ายสามารถใส่รูปได้ถึง 50 รูป สามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งสีและฟอนต์

3.Visme

Visme เป็นอีกเว็บที่นิยมใช้งานกันเพราะว่ามีหลาย Template และมี Icon ต่าง ๆ ให้เลือกใช้งานได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญยังมีชุดสีและธีมให้เลือกใช้งานได้อย่างสูงสุด เหมาะสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะออกแบบหรือจับคู่สีแบบไหนให้เข้ากัน สามารถอัปโหลดรูปได้ง่ายไม่ยาก และสามารถจัดวางได้อย่างอิสระ

4.Adobe Portfolio

เอาใจสาย Creative ที่อยากได้ความเรียบง่ายแบบไม่ต้องลงโปรแกรมให้ยุ่งยาก Adobe Portfolio มีฟังก์ชันและลูกเล่นเยอะมาก สามารถเลือก Template มาปรับแต่งเองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีฟอนต์สวย ๆ ให้เลือกใช้งาน ที่สำคัญสามารถแชร์ผลงานการออกแบบได้อีกด้วย

5.Wix

Wix เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่สามารถทำงานออกแบบได้อย่างหลากหลาย นอกจากจะทำ Portfolio ได้แล้วยังสามารถออกแบบเว็บไซต์เองได้อีกด้วย หากต้องการทำ Portfolio ก็เสิร์ชหาได้ง่ายเพราะมี Template ให้เล่นมากมาย ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่

เครื่องปริ้นเตอร์ที่เหมาะกับงาน Portfolio

หลังจากออกแบบและตรวจสอบข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากต้องการทำการพิมพ์เพื่อยื่นให้มหาลัย เนื่องจากมหาลัยบางที่ต้องการ Portfolio ที่เป็นรูปเล่มส่งไปทางมหาลัย หรือเวลาไปสัมภาษณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถโชว์ผลงานได้ แต่สิ่งที่สำคัญการเลือกเครื่องปริ้นเตอร์ที่ดีก็ทำให้ผลงานออกมาดีเช่นกัน ขอแนะนำเครื่องปริ้นเตอร์ที่เหมาะสำหรับงานภาพ ที่สำคัญราคานักศึกษาไม่แพงแต่ฟังก์ชันจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียว

1.Epson EcoTank L3250 All in One Ink Tank

เครื่องปริ้นเตอร์ Epson เครื่องปริ้นเตอร์มัลติฟังก์ชันอิงค์เจ็ท ถือว่าเป็นรุ่นยอดนิยมที่มีครบทุกฟังก์ชันไม่ว่าจะงานพิมพ์, งานถ่ายเอกสาร หรืองานสแกนก็เอาอยู่ เหมาะกับงานภาพเป็นอย่างมาก ด้วยความละเอียด 5760 × 1440 dpi ความเร็วในการพิมพ์ 10 แผ่น/นาที, พิมพ์สี 5 แผ่น/นาที ที่สำคัญรองรับการเชื่อมต่อ Hi-Speed USB 2.0 และการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ถือว่าเป็นเครื่องปริ้นเตอร์ไร้สายที่ครบเครื่องจริง ๆ

2.HP Ink Tank Wireless 415

เครื่องปริ้นเตอร์ HP เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันอิงค์เจ็ท เป็นเครื่องปริ้นเตอร์ที่ครบเครื่องในเรื่องฟังก์ชัน ถือเป็นรุ่นที่นักเรียนและนักศึกษานิยมเลือกใช้งานกันเป็นจำนวนมาก โดยมีฟังก์ชันงานพิมพ์, งานถ่ายเอกสาร และงานสแกน ด้วยความละเอียด 4800 × 1200 dpi ความเร็วในการพิมพ์ขาวดำ 10 แผ่น/นาที, พิมพ์สี 5 แผ่น/นาที ความเร็วในการพิมพ์ขาวดำ 19 แผ่น/นาที และพิมพ์สี 15 แผ่น/นาที รองรับการเชื่อมต่อ Hi-Speed USB 2.0 และการเชื่อมต่อแบบไร้สาย

3.Canon PIXMA G2010 Printer All in One

มาต่อกันที่แบรนด์ที่หลาย ๆ คนรู้จักหรือหลาย ๆ คนเลือกใช้งานอย่างเครื่องปริ้นเตอร์ Canon โดยรุ่นที่อยากแนะนำคือ PIXMA G2010 เครื่องปริ้นเตอร์มัลติฟังก์ชันอิงค์เจ็ท ถือว่าเป็นรุ่นยอดนิยมมีฟังก์ชันแบบ 3 IN 1 ทั้งงานพิมพ์, งานถ่ายเอกสาร หรืองานสแกนก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ตอบโจทย์เรื่องงานเอกสาร ความละเอียดในการพิมพ์สูงสุด 4800 × 1200 dpi ความเร็วในการพิมพ์ขาวดำ 8.8 แผ่น/นาที และพิมพ์สี 5.0 แผ่น/นาที รองรับการเชื่อมต่อ Hi-Speed USB 2.0

สรุป

Portfolio ถือว่ามีความสำคัญในการเปิดโอกาสต่าง ๆ ไม่ว่าจะยื่นเข้าเรียนต่อมหาลัยหรือยื่นสมัครงาน ถือเป็นแฟ้มสะสมผลงานหรือแฟ้มสะสมประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อที่จะเป็นการแนะนำตัวให้กับคนอื่น โดย Portfolio จะมีรายละเอียดที่เยอะกว่าที่คิด หลังจากออกแบบเสร็จก็ควรเลือกเครื่องปริ้นเตอร์ให้เหมาะสมกับงานภาพ เพราะหากพิมพ์งานออกมาแล้วภาพไม่ชัด สีไม่สด ก็จะทำให้งานออกมาไม่ดี เมื่อเรายื่นสมัครงานอาจจะเป็นการตัดโอกาสที่จะได้รับ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

โทร : 02-9220291

Line : @iamoffice

Facebook : @iamofficeshop