หมึกปริ้นเตอร์คืออะไร ปัจจุบันในการทำงานสำนักงานหรือในออฟฟิศ โดยส่วนใหญ่เวลาทำงานมักจะต้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์, เอกสาร และอุปกรณ์สำคัญในการทำงาน นอกจากคอมพิวเตอร์แล้วยังมีอุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเครื่องปริ้นเตอร์ถือเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีติดทุกสำนักงาน และสิ่งสำคัญสำหรับการใช้งานเครื่องปริ้นเตอร์ นั่นก็คือกระดาษและหมึกปริ้นเตอร์ โดยหลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจกันว่าหมึกปริ้นเตอร์นั้นมีลักษณะที่เหมือนกัน หรือจะใช้หมึกปริ้นเตอร์อะไรก็ได้ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน วันนี้ IamOffice จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับหมึกปริ้นเตอร์กันให้มากขึ้น ลองมาดูกันว่าหมึกปริ้นเตอร์มีกี่ประเภทและเหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน
ทำความรู้จักกับ หมึกปริ้นเตอร์
หมึกปริ้นเตอร์ คือ อุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งของเครื่องปริ้นเตอร์ โดยเป็นการวิวัฒนาการของหมึกที่ใช้สำหรับเขียน โดยหมึกนั้นจุดเริ่มต้นมาจากประเทศจีนและประเทศอียิปต์ในปี ค.ศ. 400 โดยแต่เดิมนั้นหมึกมีสีดำเท่านั้นที่ได้มากจากผงเขม่าสีดำ ในศตวรรษที่ 6 ได้มีการก่อตั้งโรงงานทำหมึกปริ้นเตอร์ขึ้นครั้งแรก จากนั้นปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ได้มีการผลิตหมึกปริ้นเตอร์เป็นอุตสาหกรรม จากนั้นได้มีการผลิตเครื่องปริ้นเตอร์ขึ้นมาทำให้เริ่มมีการคิดค้นพัฒนาหมึกปริ้นเตอร์ขึ้นมาเหมาะสมสำหรับงานพิมพ์แต่ละแบบ
องค์ประกอบของหมึกปริ้นเตอร์
การพิมพ์ในแต่ละครั้งเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานพิมพ์ หรือให้มีความเหมาะสมกับเครื่องปริ้นเตอร์แต่ละประเภท หมึกปริ้นเตอร์จึงต้องมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันหรือมีโครงสร้างของสารประกอบต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน เพื่อให้หมึกปริ้นเตอร์นั้นมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม โดยมีองค์ประกอบหลักดังนี้
1.เนื้อสี (Pigment)
เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดสีโดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท แต่ละประเภทจะให้สีที่ต่างต่างกันออกไป
1.1.สารอนินทรีย์ (Inorganic Pigment)
เป็นส่วนที่เป็นแร่จากธาตุที่มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น ดินสีต่าง ๆ หรือสนิมเหล็ก คุณภาพของสีจะชัดเจน ความทนทานของสีสูง สีไม่ค่อยซีดจาง แต่กระบวนการบดเนื้อสีให้ละเอียดทำได้ยากมาก โดยผงสีอนินทรีย์ ได้แก่ ผงสีขาวไทเทเนียมไดออกไซด์, ซิงก์ซัลไฟด์, แคลเซียมคาร์บอเนต เป็นต้น
1.2.สารอินทรีย์ (Organic Pigment)
โดยส่วนใหญ่เป็นสารที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน, ไฮโดรเจน และออกซิเจนที่สามารถหาได้ในธรรมชาติจากพืชและสัตว์ โดยสารประเภทนี้จะมีคุณสมบัติให้สีหมึกปริ้นเตอร์ที่สดใส สารสามารถบดละเอียดได้ง่าย แต่อายุการใช้งานไม่ค่อยทนทานเท่าไหร่ โดยแต่ละสีนั้นจากสาร ดังนี้
-
-
- ผงสีกลุ่มสีเหลือง ได้แก่ อไดอะริไลด์, ฮันซา
- ผงสีกลุ่มสีแดง ได้แก่ สีแดงพารา, โทลูอิดีน, ลิทอล, โรดามีน, เลคเรด
- ผงสีกลุ่มสีน้ำเงิน ได้แก่ สีน้ำเงินพทาโลไซยานิน, อัลคาไลน์
- ผงสีดำส่วนใหญ่จะเป็นคาร์บอนแบล็ก
-
2.ตัวนำ Vehicles
เป็นสารสำคัญที่ช่วยผสมระหว่างสารยึดติด, ตัวทำละลาย หรือน้ำมัน ถือเป็นสารที่สำคัญมาก ๆ ที่ส่งผลในเรื่องของความเหนียวหนืด การแห้งตัวของหมึกปริ้นเตอร์ และสภาพการไหลของหมึกเครื่องปริ้นเตอร์ โดยตัวนำพามีทั้งหมดอยู่หลายประเภท
-
- น้ำมันไม่ชักแห้ง (Non-drying oi) ตัวนี้เหมาะกับใช้พิมพ์บนวัสดุที่ดูดซึมดี เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกระดาษบรูฟ ตัวอย่างเช่น ปิโตรเลียม ออยล์ และ โรซิน ออยล์
- น้ำมันชักแห้ง (Drying oil) ส่วนใหญ่จะใช้ในหมึกปริ้นเตอร์ที่ต้องการทำให้แห้งด้วยวิธีออกซิเดชันส่วนใหญ่ใช้น้ำมันลินซีดเนื่องจากมีความหนืด ตัวนี้จะช่วยให้หมึกปริ้นเตอร์ที่พิมพ์ลงไปกระจายตัวของผงสีเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และสามารถยึดแน่นกับผิวกระดาษได้ดี
- สารยึดติดฐานตัวทำละลาย (Solvent resin) จะใช้ในหมึกเหลวที่แห้งตัวด้วยการระเหย ตัวทำละลายที่ใช้มักจะเป็นสารละลายไฮโดรคาร์บอนที่มีจุดเดือดต่ำผสมรวมกัน
- ไกลคอล (Glycol) ใช้ในหมึกปริ้นเตอร์ที่แห้งโดยการออกซิเดชันหรือการตกตะกอน โดยผสมกับสารยึดติดที่ไม่ละลายน้ำ แต่ตัวสารไกลคอลสามารถละลายรวมกับน้ำโดยตัวน้ำจะละลายสารไกลคอล ทำให้สารยึดติดแยกออกมาพร้อมกับผงสีไปตกตะกอนติดที่สิ่งพิมพ์
- ไดลูเอนท์ (Diluent) จะใช้ในหมึกปริ้นเตอร์ยูวี เพราะสารตัวนี้ประกอบไปด้วยสารโมโนเมอร์และสารริเริ่มทำให้ปฏิกิริยาไวแสง
- กัมที่ละลายน้ำ (Water-Soluble Gum) ตัวนี้จะเหมาะกับหมึกปริ้นเตอร์สีน้ำ ที่ประกอบไปด้วยกัมอารบิค ละลายรวมตัวกับน้ำและกลีเซอรีน หมึกปริ้นเตอร์แบบนี้เหมาะกับงานประเภทกระดาษบัตรอวยพรต่าง ๆ
3.สารเติมแต่ง additive
เป็นสิ่งที่เข้าไปช่วยทำให้หมึกปริ้นเตอร์นั้นมีคุณสมบัติบางอย่างดีขึ้น เมื่อนำไปพิมพ์ลงบนวัสดุที่ใช้สำหรับการพิมพ์และเมื่อนำสื่อสิ่งพิมพ์ไปใช้งาน
-
- สารทำแห้ง (Dryer) เป็นตัวที่ช่วยเร่งทำให้ปฏิกิริยาออกซิเดชันของตัวพาสารที่ใช้เป็นประเภทแวกซ์ ได้แก่ พาราฟินแวกซ์, ไขผึ้ง มีหน้าที่ป้องกันซับหลังไม่ให้แผ่นกระดาษซ้อนติดกัน และช่วยต้านการเกิดรอยขีดข่วน
- สารป้องกันปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Anti-Oxidant) จะใช้ผสมก็ต่อเมื่อหมึกปริ้นเตอร์แห้งเร็วเกินไป
- สารป้องกันรังสียูวี (UV stabilizer) เป็นสารที่ช่วยเพิ่มสมบัติการเปียกผิว และช่วยเรื่องการกระจายตัวของผงสีของหมึกปริ้นเตอร์
- สารริเริ่มปฏิกิริยาไวแสง (Photoinitiator) เป็นสารที่ใช้กับหมึกพิมพ์ยูวีโดยเฉพาะ ตัวสารนี้จะทำหน้าที่ให้เกิดปฏิกิริยาต่ออณูจนกระทั่งหมึกปริ้นเตอร์แห้งตัวบนงานพิมพ์
- สารเพิ่มความขาวสว่าง (Whitening Agent) สารตัวนี้จะใช้กับงานที่ต้องการให้พื้นที่งานพิมพ์สีขาวมีสีขาวนวลสว่างขึ้น
ประเภทของหมึกปริ้นเตอร์
1.Dye-based ink
ถือเป็นหมึกปริ้นเตอร์ที่ได้มาตรฐาน สามารถใช้กับเครื่องปริ้นเตอร์ทั่วไปในสำนักงานหรือใช้ภายในบ้านเนื่องจากมีราคาที่ไม่แพง หมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้มีผสมของน้ำเป็นหลัก มีเม็ดสีขนาดเล็กและแน่นทำให้ความหนาแน่นของสีค่อนข้างเข้มข้น หมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้สามารถดูดซึมกับกระดาษหรือพื้นผิวได้ดีหมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้จะช่วยให้สีที่สดใส และให้สีที่คมชัด แต่หมึกประเภทนี้ไม่สามารถกันน้ำได้
2.Pigment ink
เป็นหมึกปริ้นเตอร์ที่มีราคาสูงกว่าตัวแรก ความพิเศษของหมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้คือความคงทน หมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้ถูกพัฒนาให้สามารถกันน้ำได้ อนุภาคเม็ดสีขนาดเล็กทำให้ Pigment ink มักจะมีโทนสีที่กว้างกว่าหมึกแบบอื่น ๆ และไม่สลายตัวได้ง่ายเมื่อโดนน้ำทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แต่สีที่ได้ออกมาจะไม่สดใสเท่ากับสีแบบ Dye-based ink
3.Aquoeous
เป็นหมึกปริ้นเตอร์อีกแบบของ Dye-based ink โดยสีที่ได้จะมีสีสันที่สดใส ราคาถูกกว่า แต่ความคงทนสีไม่ทนมากสามารถซีดจางได้เมื่อเวลาผ่านไปนาน หมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้เหมาะที่จะใช้กับ ผืนผ้าใบ, รูปถ่าย, โปสเตอร์ ไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานกลางแจ้งเพราะตัวหมึกไม่ทนต่อแสง
4.Dye Sublimation
เป็นประเภทหมึกที่นิยมใช้ในงานผ้าโพลีเอสเตอร์หรือวัตถุที่มีการเคลือบแข็งอย่างเคสมือถือ โดยเฉพาะงานที่ต้องการสีที่สดใส ตัวหมึกจะใช้หลักการแม่สีอย่าง C M Y ส่วนใหญ่จะใช้ในงานอุตสาหกรรม
5.Strong solvent
เป็นหมึกปริ้นเตอร์ที่นิยมใช้กันมาก เพราะหมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้มีความคงทนสูงเม็ดสีชัดเจน ส่วนใหญ่จะใช้กับงานป้ายบิลบอร์ดกลางแจ้งสามารถทนต่อแดดและทนฝนได้ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ได้ประมาณ 5 ปี แต่สีประเภทนี้มีกลิ่นที่ฉุนมากที่สำคัญอาจจะส่งผลอันตรายต่อผู้ใช้ได้เวลาใช้ควรใส่ผ้าปิดจมูกละใช้ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท
6.Eco solvent
เป็นหมึกทางเลือกของในยุค 2000 หมึกปริ้นเตอร์ส่วนใหญ่จะทำมาจากสารเคมีมีผลต่อสิ่งแวดล้อมหมึกปริ้นเตอร์ประเภทนี้ถูกพัฒนาเพื่อที่จะสามารถใช้งานได้เท่ากับหมึกที่กล่าวมาข้างตน ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับงานพิมพ์ใหญ่ ๆ เช่น งานป้ายโฆษณา หรืองานบิลบอร์ดกลางแจ้ง เพราะเวลาสีระเหยจะไม่เป็นการเพิ่มมลพิษทางอากาศ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
เรื่องของหมึกปริ้นเตอร์คงทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจว่าส่วนประกอบของหมึกปริ้นเตอร์มีส่วนไหนสำคัญบ้าง หมึกปริ้นเตอร์บางตัวมีสารหรือส่วนผสมที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับการนำไปใช้งานในแต่ละประเภท โดยงานพิมพ์แต่ละประเภทนั้นใช้หมึกปริ้นเตอร์ที่แตกต่างกัน หมึกบางประเภทนั้นไม่เหมาะกับการนำไปทำงานพิมพ์ที่ต้องโดนน้ำ หรืองานพิมพ์ไหนที่ต้องการใช้งานกลางแจ้งต้องเลือกหมึกปริ้นเตอร์ที่มีความทนทานสูงสามารถทนต่อแดดหรือทนต่อน้ำได้ หวังว่าข้อมูลที่มานำเสนอจะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกหมึกปริ้นเตอร์ให้เหมาะกับงานได้
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
โทร : 02-9220291
Line : @iamoffice
Facebook : @iamofficeshop





